อ่านเนือหา
รู้จักอาการรองช้ำ และวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น
“รองช้ำ” หรือ “Plantar Fasciitis” คือ ภาวะที่พังผืดใต้ฝ่าเท้าเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการปวดแปลบหรือเจ็บจี๊ดบริเวณส้นเท้า โดยเฉพาะช่วงเช้าเมื่อตื่นนอนแล้วลุกเดิน หรือหลังจากนั่งนาน ๆ แล้วลุกขึ้นเดินทันที อาการนี้เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย แต่พบบ่อยในกลุ่มคนทำงานที่ยืนนาน ๆ นักกีฬา หรือผู้ที่น้ำหนักตัวมาก
ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธี “แก้อาการรองช้ำด้วยตัวเอง” ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องพึ่งยาแรงหรือการรักษาซับซ้อน เพื่อช่วยบรรเทาอาการ และป้องกันไม่ให้อาการลุกลามหรือกลายเป็นเรื้อรัง
1. สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของรองช้ำ
การเข้าใจสาเหตุช่วยให้เราสามารถวางแผนดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง:
- ยืนนาน เดินเยอะบนพื้นแข็ง
- ใส่รองเท้าที่ไม่มี support เช่น รองเท้าแตะ แฟลต หรือส้นสูง
- น้ำหนักตัวมาก
- ออกกำลังกายหนักโดยไม่วอร์มอัป
- โครงสร้างเท้าที่ผิดปกติ เช่น เท้าแบน
เมื่อรู้ปัจจัยเสี่ยงแล้ว ก็สามารถหลีกเลี่ยงหรือปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำได้
2. วิธีแก้อาการรองช้ำด้วยตัวเองเบื้องต้น
✅ พักใช้งานเท้า
หลีกเลี่ยงการยืน เดิน หรือออกกำลังกายที่ใช้ฝ่าเท้ามากเกินไปในช่วงที่มีอาการ เพื่อให้พังผืดที่อักเสบได้พักฟื้น
✅ ประคบเย็น
ใช้น้ำแข็งหรือเจลเย็นประคบบริเวณส้นเท้า วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที ช่วยลดการอักเสบและอาการบวมได้ดี
✅ เปลี่ยนรองเท้า
เลือกรองเท้าที่มีพื้นนุ่ม รองรับอุ้งเท้า และลดแรงกระแทก เช่น รองเท้าสุขภาพ หรือรองเท้าที่มีแผ่นเสริมใต้ฝ่าเท้า (insole)

3. ท่าบริหารแก้อาการรองช้ำ
🧘 ท่ายืดฝ่าเท้า
- นั่งเหยียดขา ใช้มือดึงปลายเท้าค้างไว้ 15-30 วินาที ทำวันละ 3-5 รอบ
🧘 ท่ายืดน่องและเอ็นร้อยหวาย
- ยืนพิงกำแพง ขาหน้าเข่างอ ขาหลังเหยียดตรง กดส้นเท้าให้ติดพื้น ค้างไว้ 30 วินาที ทำวันละ 2-3 ครั้ง
🧘 ท่ากลิ้งเท้ากับขวดน้ำแข็ง
- นั่งเก้าอี้ วางเท้าบนขวดน้ำแข็งแล้วกลิ้งช้า ๆ ไปมา 10-15 นาที ช่วยลดอาการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อ
4. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
- หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในบ้าน
- ใส่รองเท้าในบ้านที่มีพื้น support ดี
- เปลี่ยนท่าทางเวลายืนหรือนั่งนาน ๆ
- ยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกายเสมอ
5. การใช้แผ่นเสริมใต้ฝ่าเท้า (Insole)

แผ่นเสริมสามารถช่วยลดแรงกดบริเวณที่อักเสบได้ดี โดยมีให้เลือกทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบเฉพาะบุคคล
🔹 แบบสำเร็จรูป:
- หาได้ง่ายตามร้านขายยา ราคาย่อมเยา
- เหมาะกับอาการเบื้องต้น แต่ไม่ตรงจุดเท่าที่ควร
🔹 แบบเฉพาะบุคคล:
- ออกแบบตามโครงสร้างเท้าและลักษณะการเดินของแต่ละคน
- ทำโดยนักกายอุปกรณ์ มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงกว่า
6. ทางเลือกธรรมชาติในการบรรเทาอาการ
🌿 แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ
- ช่วยให้กล้ามเนื้อฝ่าเท้าผ่อนคลาย ลดอาการตึง
🌿 การนวดด้วยลูกเทนนิสหรือลูกกลิ้ง
- นวดคลึงใต้ฝ่าเท้าเบา ๆ วันละ 10-15 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
🌿 สมุนไพรไทย เช่น ไพล การบูร น้ำมันยูคาลิปตัส
- ใช้ทาบริเวณที่ปวดเพื่อลดการอักเสบแบบธรรมชาติ
7. วิธีประเมินว่าอาการดีขึ้นหรือไม่
- เดินได้มากขึ้นโดยไม่ปวด
- ไม่เจ็บตอนลุกจากเตียงเหมือนก่อน
- ทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่ต้องหยุดพักบ่อย
- รองเท้าไม่สึกเร็วข้างเดียว
8. เมื่อไหร่ควรไปพบผู้เชี่ยวชาญ?
แม้ว่าจะสามารถแก้อาการรองช้ำด้วยตัวเองได้ในหลายกรณี แต่หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:
- ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะพักและดูแลแล้ว
- เดินลำบากหรือมีอาการร้าวขึ้นไปที่ข้อเท้าหรือเข่า
- มีภาวะอื่นร่วม เช่น เบาหวาน เส้นเลือดผิดปกติ
แนะนำ: ควรเข้ารับการตรวจจากนักกายอุปกรณ์ หรือคลินิกเฉพาะทางที่มีการใช้ระบบวิเคราะห์การเดิน (Gait Analysis System) เพื่อออกแบบแผ่นรองเท้าให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
9. สรุป: ดูแลเท้าอย่างถูกวิธี ช่วยให้เดินได้อย่างมั่นใจ
อาการรองช้ำไม่ใช่เรื่องเล็ก หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ การ “แก้อาการรองช้ำด้วยตัวเอง” สามารถช่วยบรรเทาและฟื้นฟูอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากดูแลอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี
📌 แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมต่อสุขภาพเท้าในระยะยาว